แล้วถ้าเราจะบอกอีกว่าตอนนี้หลายธุรกิจ SME หรือแบรนด์ต่างๆ ก็เริ่มมองหาสิ่งนี้แบบจริงจังแล้ว

สิ่งที่เรียกว่า “ข้อมูลเชิงลึก”  ที่ส่วนใหญ่จะถูกจัดเก็บไว้อย่างดีในระบบ CRM หรือหลายคนอาจจะคุ้นกับคำว่า ระบบจัดการร้านค้า ระบบบริหารจัดการความสัมพันธ์ ระบบฐานข้อมูลลูกค้า หรือโปรแกรมภักดี ซึ่งจะเป็นคำไหนก็ตาม ปลายทางก็คือ ช่วยให้บริหารงานง่ายขึ้น เพิ่มยอดขาย สร้างประสบการณ์ต่อลูกค้าประจำ (CX) เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจของตนเองให้เติบโตแบบยั่งยืน

 

ฟังดูดีใช่ไหม จะบอกว่า “คุณก็ทำได้ดีเช่นกัน” แต่ต้องเริ่มวันนี้เลยนะหลังจากอ่านบทความนี้จบ

 

ถ้ายังไม่มั่นใจลองฟังเรื่องนี้ก่อน ปัจจุบันแบรนด์รับรู้ดีถึงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่ามันส่งผลกระทบอย่างไรต่อแบรนด์อย่างไรบ้าง แต่ถ้ามองอีกมุมคุณจะเห็นว่าแท้จริงแล้วมันส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคอย่างมากเช่นกัน ดังนั้นการทำตลาดของแบรนด์ในปี 2564 จึงต้องให้ความสำคัญของการทำการตลาดอย่างมาก ซึ่งการตลาดนี้แตกต่างจากปีๆที่ผ่านมาตรงที่ปีนี้เน้นไปที่จิตใจและความรู้สึกของลูกค้ามากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องปรับเปลี่ยนธุรกิจสู่โลกของดิจิทัล (ที่ลูกค้าอยู่) เช่นกัน

 

พฤติกรรมลูกค้าที่เปลี่ยนไป (จากการถูกผลักให้เข้าสู่ออนไลน์โดยไม่ทันตั้งตัว) ทำให้หลายธุรกิจไม่สามารถคาดการณ์แนวโน้มต่างๆได้ แต่สิ่งหนึ่งที่คาดการณ์ทิศทางได้ คือช่องทางดิจิทัลจะไม่ใช่แค่ส่วนหนึ่งของการตลาด แต่มันจะเป็นทั้งช่องทางสำหรับให้บริการลูกค้า หรือจะเรียกว่าเป็นแกนหลักที่จะขับเคลื่อนประสบการณ์ ตลอดจนขยายธุรกิจเลยก็ว่าได้

 

 

 

เพราะการที่จะอยู่ในช่องทางดิจิทัลจำเป็นต้องมีและเข้าใจ “ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า” ให้รวดเร็วมากขึ้น ซึ่งการจะทำได้นั้น ธุรกิจต้องมีความพร้อมด้านระบบพื้นฐานที่ดีไว้ใช้สำหรับจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลเชิงลึกได้ทันเวลาเพื่อนำไปต่อยอดธุรกิจ

 

 

 

 

ที่เน้นเรื่องความเข้าใจ รู้ลึก รู้จริงถึงจิตใจและความรู้สึกของลูกค้า เช่น ลูกค้าไม่สามารถไปซื้อสินค้ายันร้านค้าได้ แต่ Data ในระบบจะทำให้เรารู้ว่า ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเป็นใคร มีความสนใจหรือพฤติกรรมการซื้อแบบไหน เพียงเท่านี้คุณจะจะทำการตลาดถูกที่ถูกทางมากยิ่งขึ้น แม้ร้านจะปิดก็ตาม

 

 

ยิ่งมีฐานข้อมูลของลูกค้ามากเท่าไหร่ คุณก็จะย่อมรู้ว่า เรื่องใดที่พวกเขาสนใจ สไตล์ หรือโทนเสียงแบบไหนที่เหมาะ ซึ่งคุณก็จะสื่อสารออกไปตรงใจพวกเขาจนยอดขายถล่มทลายแน่นอน

 

 

จากการได้รับประสบการณ์เสมือนคนพิเศษ ไม่ว่าจะการนำเสนอสินค้าที่ตรงความต้องการอย่างรู้ใจ (Personalized Marketing) จากดูประวัติการซื้อสินค้าของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งจะแตกต่างจากการนำเสนอสินค้าชนิดเดียวกันให้กับทุกคนเพราะมันเสียเวลาและไม่มีคุ้มทุน

 

 

หากคุณมีฐานข้อมูลลูกค้าเก่าที่เคยซื้อของจากร้านค้าไป หรือข้อมูลของคนที่แนวโน้มว่าจะสนใจสินค้าของคุณ จงโฟกัสกับข้อมูลของกลุ่มคนเหล่านั้นให้ดี เพราะมันจะช่วยให้การทำการตลาดง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ เช่น บริษัทสกินแคร์สามารถที่จะส่งข้อเสนอให้กับลูกค้าที่เพิ่งซื้อสกินแคร์ไป จูงใจให้กลุ่มลูกค้าเหล่านี้ซื้อสินค้าเกี่ยวกับสกินแคร์เพิ่มได้อีก หรือขายบริการอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องได้ อย่าง คอร์สทรีทเมนท์หน้า ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด หรือวิตามิน เป็นต้น เรียกได้ว่าต้อง "ซื้อแล้ว ซื้ออีก!"

 

 

ลองคิดดูจากตัวเองก็ได้ว่า เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าอยู่ตรงไหนแล้วสำคัญเราจะอยากอยู่ที่นั้นนานๆ ก็เช่นเดียวกับ การข้อมูลที่สามารถใช้สร้างความรู้สึกสำคัญ อาศัยเทคนิคแบ่ง Tiers (การ Segmentation ข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าตามเงื่อนไขต่างๆ ส่วนมากนิยมแบ่งตามยอดการใช้จ่ายต่อปี) จะบอกว่า ลูกค้าคนไหนที่อยู่ Tier สูงๆ เขาจะยิ่งรู้สึกสำคัญ ดังนั้นก่อนจะไปคาดการณ์ต่อแนะนำให้ดูแลลูกค้ากลุ่มเหล่านี้ให้ดีที่สุดไว้ก่อน เพราะถือเป็นกลุ่มที่สร้างรายได้ให้คุณอย่างสม่ำเสมอและภักดีกับแบรนด์ของคุณแน่นอน กอดไว้ไม่เสียหายแต่อย่างใด

 

 

นี่คือภาพรวมของแนวทางการนำข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์ ที่ผู้ประกอบ SME หรือนักการตลาดควรตระหนักให้ดี หวังว่าบทความนี้จะไอเดียให้หลายคนที่กำลังมีข้อมูลอยู่ในมือ แต่ยังไม่รู้ว่ามีต่อยอดอย่างไรได้บ้าง จะสามารถนำไปพัฒนาและขยายธุรกิจให้เติบโตได้ระยะยาว แต่สำหรับใครที่ละเลยการเก็บ Data เหล่านั้นก็อาจจะพลาดโอกาสนี้ไป แต่ในเรื่องน่าเศร้ายังเรื่องที่ดี เพราะคุณก็สามารถทำได้ตั้งแต่วันนี้!

 

ลงทะเบียนใช้ระบบ CRM ฟรี 3 เดือน https://smilefokus.com/request

 

หวังว่าเราจะได้เป็นพันธมิตรที่เติบโตไปพร้อมๆกับคุณค่ะ!