ธุรกิจที่รอดในยุค COVID-19 ต้องทำอย่างไร

15.04.2020

 

 

วิกฤตหนักจากโรคระบาดในปัจจุบัน เมื่อก่อนมีชื่อเรียกว่า “โคโรนาไวรัส” แต่ในปัจจุบันมีชื่อที่เรียกว่า “โควิด-19” ถ้าย้อนเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา โควิดเป็นเพียง Hot topic ที่อยู่ในบทสนทนา แต่ภายในระยะเวลาไม่เท่าไหร่ ภัยนี้คืบคลานเข้ามาสร้างความตื่นตระหนกและความกังวลใจในประเทศไทยอย่างมาก หลายคนตั้งตัวไม่ทัน เพราะไม่ได้เตรียมตัวรับมือกับมันจริงจรัง บางคนยังแทบจะไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้ สิ่งทางเลือกในทางรอดตอนนี้ คือการรักษาระยะห่างทางสังคม “Social Distance” และการทำงาน “Work From Home” ที่จะช่วยลดการแพร่กระจายของโรคที่ยังไม่เห็นทางออก
 
 
 
สถานการณ์นี้ทำให้นึกถึงอดีต แต่ไม่พูดไปไกลถึงขนาดวิกฤตต้มยำกุ้ง เพียงแค่ปีที่แล้วมีคนเอ่ยถึง Game Changer มีคนเอ่ยถึง “Elephant In the room”, “Black Swan”และ “Gray Rhyno” ในมุมมองของ “Gray Rhyno” ที่หลายบริษัทได้เห็นภัยอันตรายจาก Digital Disruption คืบคลานเข้ามา ทุกคนรู้แต่กลับไม่ได้ทำอะไร จนบริษัทจำนวนมากต้องปิดตัวไปอย่างถาวร 

 

 

มุมมองของเรา..

 

 

“สถานการณ์โควิด-19 คราวนี้รุนแรงกว่า Digital Disruption เหล่าเท่าตัว
เพราะเป็นทั้ง Black Swan ผสมกับ Gray Rhyno”
 
 

 

อาจจะขอเรียกวิกฤตครั้งนี้ว่า “Black Rhyno Crisis” เพราะเพียงแค่ในเวลาไม่นานเพียง 3-4 เดือน โดยเราเริ่มเห็นภัยนี้จากข่าวในประเทศจีน แต่น้อยคนที่จะเตรียมตัวรับมืออย่างจริงจังและหลายคนมองข้ามภัยนี้ไป จนในที่สุดมันมาถึงประเทศไทยภัยนี้ส่งผลมากมายแต่ให้เห็นได้ชัดที่สุดจากร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า และสถานบันเทิงหลายแห่งต้องปิดอย่างไม่มีเวลาที่ชัดเจน และรุนแรงมากขึ้นจนต้องปิดสนามบิน จนปัจจุบันยังอยู่ในสถานการณ์ที่เราต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์เคอร์ฟิว
 

 

Black Rhyno Crisis = วิกฤตที่เราเห็นแต่ไม่คิดจะทำอะไรกับมัน
 
 
วิกฤตนี้รุนแรงกว่าที่คิดมากเมื่อเทียบกับอดีต ทุกคนภาวนาไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง แต่ผลกระทบจากโควิดคราวนี้ส่งผลให้หลายบริษัทต้องปิดตัวเองลงอย่างถาวรในไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกันก็มีหลายบริษัทที่อยู่รอดและผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้จะเห็นได้ว่า มักจะเป็นบริษัทไหนมีเงินทุนหนาที่สามารถจ้างคนเก่งมาช่วยกู้วิกฤตได้ แต่ประเทศไทยยังมีอีกหลายผู้ประกอบการ
 
 
เช่น SME ที่ยังไม่มีการปรับตัวหรือรับมือกับสถานการณ์ครั้งนี้ไม่ดีพอ และไม่มีเงินเพียงพอที่จะจ้างที่ปรึกษาราคาแพง ทางเราจึงขอแนะนำวิธีการที่จะนำพาบริษัทให้รอดในวิกฤตเศรษฐกิจดังนี้
 

 

 

 

1. Online

 

 

 

 

ปีนี้ดุเดือดเมื่อโลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริโภคและการใช้ชีวิตนอกบ้านน้อยลงในปัจจุบัน ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าถ้าคุณยังไม่ปรับแผนธุรกิจของคุณให้ก้าวเข้าสู่โลกออนไลน์ อาจทำให้คุณพลาดโอกาสสำคัญไป ดังนั้นคุณจำเป็นต้องเริ่มตอนนี้ความหวังที่จะรอขายทางหน้าร้านอย่างเดียวคงทำให้รอดยาก ร้านค้าต่างๆ หรือห้างสรรพสินค้าที่ถูกปิดชั่วคราวตอนนี้ส่งผลให้รายได้ของคุณหายไปแน่นอน และอาจหายไปหลายเดือนจากนี้ 
 
 
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะยังไม่มีวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสนี้ แต่สมมติว่าวันหนึ่งเราพบยารักษาโควิดได้ พฤติกรรมผู้บริโภคก็จะเปลี่ยนไปมากหลังจบโควิด ข้อดีของโลกออนไลน์ในสมัยนี้ คือ ง่ายต่อการเข้าถึง แม้คุณจะเป็น Big firm หรือ SME คุณสามารถเรียนรู้ได้จากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ เช่น Youtube, Google และอีกมากมาย 
 
 
ส่วนคนที่ทำออนไลน์อยู่แล้วควรเริ่ม “ขยาย” ขนาดธุรกิจของคุณ โดยเริ่มจากจับออนไลน์ช่องทางต่างๆ มาผูกกันให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ลืมที่จะศึกษาถึงกฎระเบียบของช่องทางนั้นๆเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และห้ามหวังพึ่งเพียงช่องทางออนไลน์
 
 
เช่น วันหนึ่งคุณทำบางสิ่งผิดข้อตกลงของ Facebook โดยไม่รู้ตัวเพจของคุณถูกปิด ซึ่งการปิดนั้นให้ความรู้สึกเหมือนกับโดนปิดบริษัทเพราะคุณทุ่มลงไปสุดตัว ดังนั้นสิ่งที่คุณต้องทำให้รอบครอบ คือ การจัดเก็บDatabase หรือการมีฐานข้อมูลของลูกค้าที่เป็นของตัวเอง

 

 

 

 

2. CRM (Customer Relationship Management)

 

 

 

 

CRM คำนี้ได้ยินบ่อย แต่ตอนนี้ต้องให้ความสำคัญอย่างมากและศึกษาให้กระจ่าง ว่าการสร้างฐานข้อมูลลูกค้าของคุณเองรวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล การแบ่งประเภทลูกค้า (Segmentation) จนถึงการสร้างแคมเปญให้เหมาะสมกับ Target Group 
 
 
ซึ่งคนที่จะอยู่รอดจากวิกฤตโควิดครั้งนี้ คือ คนที่มีฐานลูกค้าของตนเองที่แข็งแรง คนที่มีลูกค้าประจำอย่างเหนียวแน่นจำนวนอย่างน้อยที่สุดคือ 20% และถ้าคุณสามารถทำตาม 80/20 กฎแห่งความสำเร็จของพาเรโต (Pareto) นั่นก็คือ ลูกค้าประจำหรือ Loyalty Customers มีโอกาสทำรายได้ให้คุณมากกว่า 80% เมื่อนั้นบริษัทของคุณจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนในระยะยาว 
 

 

“การหาลูกค้าใหม่ตลอดเวลาเป็นเรื่องยาก”
 
 
 
การหาลูกค้าใหม่นั้นต้องอาศัยต้นทุนหรือเงินจำนวนมาก แต่การดูแลฐานลูกค้าเดิมนั้นมีต้นทุนที่น้อยกว่า การให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าของเราให้เขากลายรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษของเรา นอกจากเขายินดีที่จะช่วยเหลือเราไม่ว่าสถานการณ์ไหนเขายังจะภักดีต่อองค์กรของเราด้วย ลองคิดเล่นๆดูว่า ถ้าเราสามารถให้ลูกค้าเดิมของเรา ซื้อของเพิ่มอีกเพียงแค่หนึ่งชิ้นต่อเดือนรายรับเราจะเพิ่มเท่าไหร่ หรือถ้าเราสามารถทำให้ ลูกค้าเราที่เป็น Silver ซื้อเพิ่ม และกลายเป็น Gold รายรับเราจะเพิ่มขนาดไหนโดยสิ่งที่เรียกว่า CRM นี้สามารถช่วยคุณเพิ่มขีดความสามารถในการทำการตลาดของคุณได้อีกมหาศาล

 

 

 

 

3.CASH

 

 

 

 

การลงทุนมีความเสี่ยงข้อนี้ทุกคนรู้ แต่ถ้าตอนนี้ใครไม่มีเงินสดในมือจัดว่าเสี่ยงกว่า สถานการณ์แบบนี้ใครที่กอดเงินสดหรือมีสภาพคล่องที่เป็นเงินสดมีโอกาสรอดสูง เพราะไม่มีใครตอบได้ว่า การแพร่ระบาดของโควิดจะอยู่กับเราไปอีกนานเท่าไหร่เพื่อปกป้องกระเป๋าสตางค์เราให้ดีที่สุด ใช้จ่ายช่วงนี้ต้องคิดมากขึ้น ประหยัดได้ ประหยัดเถิด จะซื้ออะไร อาจจะต้องถามตัวว่า“จำเป็นไหม” เพื่อจะช่วยเราสามารถก้าวผ่านสถานการณ์ที่ต้องอาศัยการปรับแผนอยู่ตลอด และดำเนินชีวิตต่อไปได้ในอนาคต
 
 
ทุกอย่างอาศัยเวลาและการปรับตัว รวมถึงการทำธุรกิจไม่ว่าจะสถานการณ์แบบไหน โดยเฉพาะสถานการณ์ที่สร้างจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ครั้งนี้ จะหวังพึ่งแค่โอกาสหรือพึ่งใครคงไม่ได้ ถ้ายังไม่เริ่มมองหาโอกาสที่อาจจะช่วยคว้าความสำเร็จในวิกฤตแบบนี้นี่อาจจะเป็น Key success factor ขององค์กรคุณยังไม่คาดคิดก็ได้
 

 

 

 

smileSME ขอส่งกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านความยากลำบากนี้ไปด้วยความสำเร็จครั้งใหม่
เพราะเมื่อโควิดหายไปคุณจะแข็งแกร่งกว่าเดิมค่ะ
 

 

 

 

 

TAG: #crmbysmileSME #smileFOKUS #โควิด19 #เราจะไม่ทิ้งกัน #coronavirus #COVID-19 

 

 

 

 

 

 
 
Back
Share