เจาะลึก 6 ศัพท์ธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่
เขียนโดย ยิ้มเก่ง
วันที่ 08.06.2021
ทุกวันนี้ธุรกิจและแบรนด์ส่วนใหญ่ได้ย้ายตัวเองมาอยู่ในโลกออนไลน์โดยสมบูรณ์ โดยเฉพาะกับช่วงล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แบบนี้ เหตุผลหลักนั่นก็เพื่อให้ธุรกิจยังอยู่รอดต่อไปได้
แน่นอนว่าตอนนี้หลายแบรนด์ต่างย้ายมาอยู่ในช่องทางเดียวกัน ทุกแบรนด์ต่างแข่งกันสร้างตัวตน เพื่อบอกฐานลูกค้าว่าฉันไม่ได้หายไปไหนนะ คุณยังสามารถซื้อสินค้าและบริการของฉันได้เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือมีโปรโมชั่นมากกว่าเดิมอีกด้วย
หากถามว่า ถ้าทุกอย่างมันละลานตาลูกค้าขนาดนั้น มีกี่เปอร์เซนต์ที่ลูกค้าหรือผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าจะเจอแบรนด์ของคุณ ถึงแม้เจอแล้วโอกาสที่จะปันใจตลอดการเป็นลูกค้าก็สูงไม่น้อย เพราะอย่างที่บอกว่ามีแบรนด์อีกมากมายที่พร้อมยื่นข้อเสนอที่ล่อตาล่อใจลูกค้าใหม่ให้กับเขา
ดังนั้นการจะมัดใจลูกค้าเพื่อสร้าง Customer Loyalty นั่นต้องอาศัยการสร้าง ‘ความผูกพัน’ ที่ไม่ว่าแบรนด์ไหนจะเสนอลูกค้าก็จะยังภักดีต่อแบรนด์สินค้าของคุณ ซึ่งการจะทำได้ก็ไม่ยากเลย เพียงแต่คุณจะต้องมีฐานข้อมูลลูกค้ามาทำการวิเคราะห์เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้าอยากที่จะกลับมาใช้บริการอย่างสม่ำเสมอด้วยระบบ CRM หรือการตลาดแบบเฉพาะเจาะจง
แต่ก่อนจะไปเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า คุณต้องเข้าใจศัพท์เหล่านี้ก่อน ศัพท์ที่เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องมือการตลาดหรือทำธุรกิจออนไลน์ทุกวันนี้ มีผลต่อการขายเป็นอย่างมาก กับ 6 ศัพท์ธุรกิจออนไลน์ยุคใหม่ด้าน Business Insight ที่แบรนด์ต้องรู้!
1 Dashboard
คือ การสรุปข้อมูลต่างๆให้เห็นภาพได้ในหน้าเดียวในรูปแบบตารางและกราฟแท่ง และเป็นข้อมูลแบบ Real-time เพื่อให้ธุรกิจสามารถที่จะดูแล้วตัดสินค้าได้ทันเวลา
2 Filter
คือ ส่วนสำคัญที่ใช้สำหรับการกรองข้อมูล เพื่อหาผลลัพธ์ตามวันเวลาที่คุณต้องการเรียกดู เช่น Day view, Month View, Quarter view และ Year View เป็นต้น
3 Report
คือ รายงานแบบดิจิทัลที่มีประโยชน์สูงสุดกับแบรนด์ ครอบคลุมในเรื่องของเป้าหมาย ผลลัพธ์ที่ได้ และข้อมูลเกี่ยวกับประวัติต่างๆ เพื่อให้เข้าใจผลของการขายทั้งหมดที่ผ่านมาและสามารถนำมาเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ก่อนหน้าได้
4 Given point
คือ คะแนนสะสมที่แบรนด์ให้กับลูกค้าเมื่อซื้อสินค้า ยิ่งจำนวนมากจะแสดงว่าแบรนด์คุณมีลูกค้ามีซื้อสินค้าถึงยอดของการให้คะแนนสะสมมากเท่านั้น ซึ่งการจะวัดผลของจำนวนคะแนนแต่ละแบรนด์จะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับตั้งค่า Point Value หลังบ้านของแบรนด์ เช่น Earn 25 บาทเป็น 1 คะแนน และ Redeem 25 คะแนนเป็น 1 บาท เป็นต้น
5 Breakage rate
คือ ตัวชี้วัดความสำเร็จ (%ยิ่งต่ำยิ่งดี)
เช่น ถ้าขึ้น 100% นั้นแสดงว่าลูกค้ายังไม่เคยนำคะแนนที่มีเข้ามา Redeem กับแบรนด์เลย ตรงกันข้ามถ้า % ต่ำนั้นแปลว่าลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมกับแบรนด์เป็นประจำ
6 Loyalty performance
คือหน่วยวัดภาพรวมของความผูกพันที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์หรือสินค้า ซึ่งจะช่วยให้คุณเห็นภาพรวมของพฤติกรรมของฐานลูกค้า
เช่น ลูกค้ามีส่วนร่วมกับแคมเปญทางการตลาดที่แบรนด์ปล่อยออกไปมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าหากว่าตัวเลขของ Earn และ Redeem มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด นั้นก็แปลว่าลูกค้ามีความพึงพอใจและมีความเชื่อถือกับสินค้าของแบรนด์ ซึ่งจะทำให้แบรนด์เติบโตได้ในระยะยาวนั่นเอง
นี่ก็เป็นเพียง 6 คำศัพท์ที่ถ้าคุณได้ลองรู้จักแล้วจะบอก ‘จ่ายน้อยแต่ได้มาก’
เพียงคุณเข้าใจและรักษาลูกค้าด้วยระบบ CRM ระบบที่จะช่วยกระตุ้น Repeat Business เป็นที่มาของกำไรที่จะได้ในอนาคต 80% จากกลุ่มลูกค้า 20%
Relate Blog
CRM Synonym ศัพท์เหมือน CRM น่ารู้!
CRM ทำเงินได้อย่างไร
Gamification อาวุธ(ลับ)ออนไลน์ ชนะใจทุกวัย!!!!
รู้หรือไม่? ‘การแบ่งระดับสมาชิกของลูกค้า’ ดึงดูดใจได้นานกว่าส่วนลด
การใช้ CRM ติดตามยอดขาย
CRM ฉบับ smileSME ก่อนจะ Setting Goal คุณเคยทำสิ่งนี้หรือยัง
ระบบ CRM คืออะไร? ทำไมคนทำธุรกิจให้ความสนใจ
How to Keep Customer Loyal?
What Is Customer Loyalty?