Customer loyalty วัดจากอะไร?
เขียนโดย ยิ้มเก่ง
วันที่ 27.05.2021
ไม่ว่าธุรกิจคุณจะมีขนาดเล็กหรือใหญ่แค่ไหน
คงจะรู้ว่า ‘ความภักดีของลูกค้า’ เป็นสิ่งสำคัญจริงไหม? แบรนด์คงไม่ปฏิเสธ..
กลุ่มลูกค้าที่ชอบซื้อซ้ำๆ ลูกค้าประจำที่ทำกำไรให้คุณมากกว่าลูกค้าใหม่ถึง 67%
หากแบรนด์คุณเป็นหนึ่งในนั้น ที่กำลังมองหาวิธีสร้างและรักษาความภักดีของลูกค้า
ให้ลองทำตามสิ่งที่เรากำลังจะบอกสักสองสามข้อ... แล้วคุณจะได้รู้ว่า ‘ลูกค้าที่มีความสุขกับแบรนด์อย่างแท้จริง’ หน้าตาเป็นอย่างไร
ก่อนอื่นมันมีหลายวิธีที่คุณจะสามารถวัดความภักดีของลูกค้าได้
แต่มันไม่ง่ายที่จะบอกว่า ลูกค้าเขาจะอยู่ต่อหรือไป?
โดยการที่จะวัดได้คุณจำเป็นต้องรู้ว่าอะไรคือ ‘แรงจูงใจ’ หรือเจตนารมณ์ที่ซ่อนอยู่ในพฤติกรรมการซื้อของพวกเขา อย่างเช่น ซื้อบ่อยหรือหยุดซื้อเมื่อไหร่ ชอบซื้อจากที่ไหนแล้วพึงพอใจกับสินค้ามากน้อยเพียงใด ซึ่งแต่ละธุรกิจก็จะมีหลักการวัดที่แตกต่างกัน จึงต้องอาศัยการเลือกใช้ให้เป็น
และนี่คือ 4 วิธีที่ดีและง่ายที่สุดในการวัดความภักดีของลูกค้า!
1 Customer Satisfaction Levels
เมื่อพูดถึงความพึงพอใจของลูกค้า นี่เป็นวิธีในการทำความรู้จักความพึงพอใจ โดยให้แบ่งเป็น 5 ระดับ ได้แก่ Not satisfied (ลูกค้ารู้สึกว่าไม่ตรงตามความต้องการ), Slightly satisfied (ลูกค้ารู้สึกว่าพอใจบางอย่าง) Satisfied (ลูกค้าได้รับสิ่งที่คาดหวัง) Very satisfied (ลูกค้าได้รับตามสิ่งที่คาดหวัง+รู้สึก Surprise) และ Extremely satisfied (ลูกค้ารู้สึกเกินความคาดหวังทั้งหมด)
ซึ่งการทำในรูปแบบ Survey จะช่วยให้คุณได้คำตอบที่เจาะจงมากขึ้น รวมไปถึงการสัมภาษณ์จะช่วยให้คุณได้รับ Feedback เชิงลึกทั้งทางบวกและลบเกี่ยวกับบริการและผลิตภัณฑ์ของคุณมากขึ้นไปอีก
2 Churn Rate (อัตรการบอกเลิกเป็นลูกค้าคุณ)
‘อัตรานี้ยิ่งสูงยิ่งหนาว’ เพราะมันแปลว่าแบรนด์คุณนั้นกำลังมีปัญหาในการรักษาฐานลูกค้าประจำ ซึ่งการทำ CRM จะช่วยให้คุณรักษาความสัมพันธ์ลูกค้าไว้ได้ แถมยังช่วยดูแลให้มีความพึงพอใจมากขึ้น ช่วยให้ลูกค้ากลับมาซื้อและใช้บริการซ้ำๆ จนกลับมาเป็นลูกค้าระยะยาว Brand lover นั่นเอง
3 Customer Lifetime Value (CLV)
แนวคิดหรือวิธีนี้จะช่วยวัดกำไรที่ได้จากการซื้อของลูกค้าตลอดความสัมพันธ์ที่แบรนด์มีต่อลูกค้า การวัดด้วย CLV ยังจะช่วยให้ธุรกิจสามารถประเมินงบการตลาดในการดึงดูดลูกค้าให้อยู่กับแบรนด์ได้นานขึ้นและซื้อเยอะขึ้น แน่นอนว่าคุณจะรู้เป้าหมายการตลาดชัดเจนขึ้น ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นในการเพิ่มกำไร และลดต้นทุนในการหาลูกค้า
4 Repeat Purchase Rate (Frequent Customer)
อัตราการซื้อซ้ำของ ‘ลูกค้าชั้นดี’ คือเปอร์เซนต์ของลูกค้าที่กลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของคุณบ่อยๆ ซึ่งไม่แปลกที่จะบอก ‘ยิ่งเปอร์เซนต์สูงยิ่งดี’ ซึ่งนี่ถือเป็นหน่วยวัดที่จะช่วยให้คุณกำหนดความภักดีของลูกค้าและสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ตรงยิ่งขึ้น
เพราะคุณสามารถดูและทำความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อของลูกค้าที่เป็น Top Frequent customer เพื่อที่จะนำไปวิเคราะห์สู่การปรับแผนว่าเมื่อใดควรส่งโปรโมชั่นหรือการแจ้งเตือนไปยังลูกค้าคนอื่นๆ เพราะตามธรรมชาติแล้วพวกเขาอาจจะมีความต้องการซื้อสินค้าในจังหวะเดียวกัน เพียงแต่อาจต้องอาศัยการผลักดันที่มากกว่าเท่านั้นเอง
ทั้งหมดนี้เป็นส่วนหนึ่งเกี่ยวกับเครื่องมือและวิธีการวิเคราะห์ว่า ตลอดที่คุณทำธุรกิจหรือขายของออนไลน์มา คุณมีฐานลูกค้าประจำบ้างไหม หรือใครกันแน่ที่เป็น ‘กลุ่มลูกค้าชั้นดี’ ที่แบรนด์ควรจะดูแลและให้ความสำคัญในการส่งมอบประสบการณ์ที่ดีจนพวกเขาจะประทับใจไม่รู้ลืม! ซึ่งนี่เป็นเพียงขั้นตอนแรกเท่านั้น
เพราะในบทความหน้าเราจะมาแชร์ถึง ‘วิธีสร้างความภักดีของลูกค้า’ กุญแจสำคัญที่คุณควรหยิบมันมาใช้ตั้งแต่เนิ่นๆ ยิ่งทำเร็วยิ่งดี!
Relate Blog
ตั้งรับ New Normal ปรับธุรกิจเชื่อมความสัมพันธ์กับลูกค้า
CRM GOAL ฉบับ smileSME ข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่คุณมี แต่คุณไม่เคยรู้
จุดวัดผล (ที่ใช่) ในช่วงวิกฤต 'วิเคราะห์คู่แข่ง เข้าใจลูกค้า'
ระบบ CRM ที่ใช้อยู่ได้ผล จริงหรือไม่?
จัดลำดับงานอย่างไรให้ชีวิตไม่ยุ่งเหยิง
CRM Trend for 2021 ที่ไม่รู้ไม่ได้แล้ว!!!
History of Loyalty
Customer-Centric คืออะไร?
Ownership 5 วิธีสร้างจิตสำนึก สู่ความสำเร็จขององค์กร!!