
รู้หรือไม่? ‘การแบ่งระดับสมาชิกของลูกค้า’ ดึงดูดใจได้นานกว่าส่วนลด
เขียนโดย ยิ้มเก่ง
วันที่ 5.10.2020
ปฏิเสธไม่ได้ว่า…เทรนด์อีคอมเมิร์ซ 2020 เดือด!!! ร้านค้ามากมายต่างมุ่งสู่แพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ ด้วยเหตุผลที่ว่าค่าเฉลี่ยของคนไทยส่วนใหญ่หันไปซื้อของออนไลน์กันจำนวนมาก แต่..คุณอย่าลืมว่า “ต่อให้แบรนด์คุณจะมีตัวตนบนโลกออนไลน์ ก็ไม่ได้แปลว่าแบรนด์คุณจะเข้าไปอยู่ใน Top of Mind ของลูกค้า”
แล้วอะไรล่ะที่จะทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์คุณได้ จนยกให้แบรนด์คุณเป็นที่หนึ่งในใจ หรือที่เรียกกันว่า “เขาภักดีต่อแบรนด์คุณอย่างแท้จริง” คุณจะรับมืออย่างไรหากการจะมีคุณค่าในสายตาลูกค้าไม่ใช่การลดราคาหนักๆ แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกพึงพอใจที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ (จากการได้มีส่วนร่วมหรือรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งกับแบรนด์) ก็ต้องยอมรับว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ง่าย แต่หากคุณทำสำเร็จบอกได้คำเดียวเลยว่า มันคุ้มค่ามาก!!
เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาช่วยชี้ทางสว่างที่มีประสิทธิภาพที่สุดวิธีหนึ่ง นั่นก็คือ การทำโปรแกรมความภักดีแบบแบ่งระดับสมาชิก (Tier Loyalty Program)
โปรแกรมความภักดีแบบแบ่งระดับสมาชิก คืออะไร?
คือ โปรแกรมสมาชิกประเภทหนึ่งที่มีไว้เพื่อส่งมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้า ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามการจัดอันดับสมาชิกของแบรนด์ ส่วนรูปแบบการกำหนดรางวัล (สิทธิประโยชน์) ต้องมีความหลากหลายและเหมาะสม เพราะถือเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำและบ่อยครั้งขึ้น
หากใครยังนึกไม่ออกเลย ลองนึกถึงเกมที่คุณต้องเอาชนะสัตว์ประหลาดเพื่อรวบรวมสมบัติในการปลดล็อกระดับที่สูงขึ้น เมื่อคุณอยู่ระดับที่สูงขึ้นคุณก็จะปลดล็อกรางวัลที่วิเศษมากขึ้น ซึ่งเรามั่นใจว่าคุณติดเกมแนวนี้ เพราะคุณอยากที่จะสัมผัสกับความสำเร็จที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นนี้คือ 4 ส่วนสำคัญที่เราแนะนำให้คุณมีในโปรแกรมความภักดีของคุณ
1 การตั้งชื่อที่ดีลูกค้าต้องรู้สึกเป็นส่วนหนึ่ง
ชื่อของแต่ละระดับสมาชิกต้องมีความสร้างสรรค์และสนุก และชุดสีน่าสนใจ เพื่อสร้างความตื่นเต้นให้กับสมาชิกมากขึ้นเรื่อยๆ เช่น Marvel มี 4 ระดับ ได้แก่ Insider, Agent, Elite และ True Believer สถานะเหล่านี้สะท้อนให้สมาชิกที่อ่านหนังสือการ์ตูนสามารถเชื่อมโยงกับชุมชนได้
2 ไม่ปะปนกับวันหมดอายุ
เนื่องจากทุกวันนี้ลูกค้าเบื่อหน่ายกับการหมดอายุของคะแนนและคาดหวังจะเจออะไรที่ยืดหยุ่นมากขึ้น ลองคิดดูว่า ถ้าคุณมีลูกค้าที่อยู่มานานเยอะๆ แล้วคุณไม่เอาเรื่องของเวลาไปกดดันเขาจนมากเกินไป (ระหว่างเขาก็ต้องพยายามรักษาระดับสมาชิกมาเรื่อยๆอยู่แล้ว) อย่างไรสักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องใช้คะแนนที่มีอยู่แน่นอน
3 สิทธิประโยชน์โดดเด่นจากคู่แข่ง
ลูกค้าน้อยคนที่จะไม่เปรียบเทียบในเมื่อปัจจุบันมีตัวเลือกให้มากมาย ทุกคนล้วนคาดหวังผลตอบแทนจากการที่เขาเสียเงินไป ดังนั้นควรจะมีบริการหรือสิทธิประโยชน์ที่จับต้องได้เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น การจัดส่งฟรีที่ไม่มีขั้นต่ำ, ส่วนลด 15% สำหรับสินค้าทั้งหมดภายใน 1 ปี, ระยะเวลารับของรางวัลที่ไม่มีวันสิ้นสุดกำหนด หรือระดับสูงขึ้นจะได้รับคะแนนมากขึ้นจากการซื้อเหมือนเดิม เป็นต้น
4 ปรับแต่งรูปแบบกลุ่มให้ดี
การแบ่งระดับที่ดีต้องคอยสังเกต ทบทวนความต้องการของสมาชิกอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่คุณจะได้นำมาปรับเสมือนว่าคุณเข้าใจพวกเขา ผลลัพธ์คือลูกค้าจะปลื้มในความเอาใจใส่แบบนั้นแน่นอน
ข้อได้เปรียบของโปรแกรมความภักดีแบบแบ่งระดับ
- สมาชิกเต็มใจที่จะซื้อสินค้ามากขึ้นและมีส่วนร่วมกับแบรนด์ไปอีกหลายปีข้างหน้า เพื่อสะสมคะแนนไต่เต้าให้ได้มาซึ่งสถานะความภักดีที่สูงขึ้น
- การชี้แจงให้เห็นถึงผลประโยชน์ที่แน่นอน (Fixed Benefits) จะช่วยจูงใจลูกค้าได้อย่างดี
- การมอบผลประโยชน์ที่น่าประหลาดใจ (Surprise Benefits) ช่วยสร้างเกราะป้องกันแบรนด์คุณออกจากคู่แข่งขันได้ง่ายๆ
Tips:
การเพิ่ม Gamification เล็กๆ น้อยๆ ลงไปในโปรแกรมความภักดี เช่น การกระพริบหรือการเคลื่อนไหวขององค์ประกอบที่สนุกสนาน จะช่วยเสริมสร้างความผูกพันทางอารมณ์กับแบรนด์ได้ดียิ่งขึ้น!
หากคุณต้องการมีโปรแกรมความภักดีที่มาพร้อมกลยุทธ์การแบ่งระดับสมาชิก ที่จะทำให้ลูกค้าตกหลุมรักแบรนด์แบบถอนตัวไม่ขึ้น คุณต้องลองใช้ smileSME แพลตฟอร์ม CRM สำหรับ Loyalty Program เพื่อธุรกิจ SME ที่จะให้คุณได้ลองใช้แบบไม่กักฟังก์ชันและไม่มีข้อผูกมัดใดๆ
Relate Blog
เทคนิค “แบ่งกลุ่มลูกค้า” ที่สร้างกำไรไม่รู้จบ
CRM GOAL ฉบับ smileSME ข้อได้เปรียบทางธุรกิจที่คุณมี แต่คุณไม่เคยรู้
CRM ฉบับ smileSME ก่อนจะ Setting Goal คุณเคยทำสิ่งนี้หรือยัง
CRM เพิ่มแต้มต่อให้ธุรกิจคุณ ก้าวนำคู่แข่งแบบถาวร!
วันนี้ “เหมือนเดิมใช่ไหม” (เสียงนี้ที่คุ้นหู)
How to Keep Customer Loyal?
กลยุทธ์ Customer Retention ที่ควรทำให้สำเร็จในปี 2021 (1/3)
[FREE E-BOOK] How CRM Grow Business thrive today
ระบบ CRM ทำอะไรได้บ้าง? พร้อมเจาะลึก Case Studies ที่ธุรกิจไหนทำก็รุ่ง!