"Loyalty Program" เคล็ด (ไม่) ลับ การันตีความสำเร็จจาก 5 แบรนด์ดัง
เขียนโดย ยิ้มเก่ง
วันที่ 17.09.2020

 

 
 
 
การประสบความสำเร็จเป็นคำที่ใครก็ต่างใฝ่ฝัน แต่จะมีใครบ้างที่ไปถึงจุดนั้นได้ ถ้าคุณเริ่มสังเกตอะไรบางอย่าง ลองมองอะไรใกล้ตัวหรือในมือถือของคุณดูว่า แบรนด์ (หรือแอปพลิเคชัน) อะไรบ้างที่ทุกวันนี้คุณมักจะเข้าไปไถๆ ดูสินค้าหรือโปรโมชั่น แถมคุณยังยอมจ่ายให้เขาทุกเดือนหรือบางคนอาจจะทุกวัน ลองลิสต์ออกมาว่า พวกเขาหยิบยื่นข้อเสนออะไรที่มันดึงดูดใจคุณจนบางทีถอนตัวไม่ขึ้น นั่นแหละคือกลยุทธ์ที่เขาใช้สร้างความสัมพันธ์กับคุณจนคุณเกิดความภักดีกับแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว
 
 
 

ตัวอย่าง 5 แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากจากความภักดีของลูกค้า

 
 
 

Starbucks

ถือเป็นหนึ่งแอปพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะมีผู้ใช้งานถึง 23.4 ล้านคน (มีตั้งแต่อายุ 14 ปีขึ้นไป) ผู้ใช้งานจะต้องใช้แอป Starbucks ในการซื้อสินค้าอย่างน้อย 1 ครั้งในทุกๆ 6 เดือน ซึ่งมากกว่า Apple Pay ถึง 1.4 ล้านเท่าและเป็นสองเท่าของยอดการใช้จ่ายบน  Google Pay
 
เนื่องด้วยแอปพลิเคชันที่ง่ายต่อการใช้งาน แน่นอนว่าครบวงจรเอื้อให้ลูกค้าสะดวกสามารถเติมเงินสดทิ้งไว้ได้ผ่านมือถือ แล้วยังใช้ชำระเงินในร้านได้อย่างไม่ต้องรอเงินทอนอีกด้วย มากกว่านั้นคือสามารถสั่งผ่านมือถือแล้วไปรับร้านค้าที่ใกล้ที่สุดก็ได้ เมื่อใดที่ซื้อผ่านมือถือลูกค้าจะได้รับ “ดาวสะสม” เพิ่มทุกครั้ง ซึ่งดาวนี้สามารถนำไปแลกเป็นเครื่องดื่มหรือของรางวัลหรือส่วนลดอื่นๆ ได้ฟรี (โดยของรางวัลก็จะสูงขึ้นตามลำดับขั้นของสมาชิก)
 
 

Toms

บริษัททอมเข้าสู่เส้นทางการกุศลแบ่งปันให้สังคมเพื่อกระตุ้นความภักดีของลูกค้า ทุกครั้งที่ลูกค้าซื้อรองเท้า 1 คู่ ทอมจะบริจาค 1 คู่ให้กับคนที่ขาดแคลน ซึ่งถ้าดูตามจำนวนบนเว็บไซต์แล้วตอนนี้เขาบริจาคไปกว่า 86 ล้านคู่แล้ว
 
 
 

Amazon Prime

หนึ่งในแพลตฟอร์มที่โดดเด่นมากเรื่องการสมัครเป็นสมาชิก (Membership แบบ Subscribe รายปี ซึ่งสมาชิกจะได้รับสิทธิพิเศษในการจัดส่งแบบ Two-day Shipping ฟรีถึง 6 เดือนและดูวิดีโอฟรีที่มีเฉพาะใน Amazon เท่านั้น ซึ่งโปรแกรมนี้ประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ Amazon ระบุว่าสมาชิก Prime จ่ายเงินให้ประมาณ 1,300 เหรียญต่อปีบนเว็บไซต์ เมื่อเทียบกับ 700 เหรียญต่อไปจากผู้ใช้ที่ไม่ใช่สมาชิก Prime
 
 
 

Sephora

Sephora ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเครื่องสำอาง ที่ครองแชมป์เรื่องการทำ CRM อย่างมาก (ในเรื่องของการเรียนรู้เกี่ยวกับข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละรายให้ได้มากที่สุด) นอกจากขายเครื่องสำอาง Sephora ยังมี Online Forum ที่ให้ลูกค้าเข้ามาพูดคุยให้คำแนะนำแบ่งปันเรื่องความสวยงาม รวมถึงพูดคุยกับแบรนด์ต่างๆผ่านกิจกรรมอีกด้วย แน่นอนว่า Sephora จัดเก็บข้อมูลผ่านโปรไฟล์ (เมื่อลูกค้าสมัครสมาชิก) เพื่อแบ่งกลุ่มสมาชิกเพื่อนำเสนอสิทธิพิเศษส่วนบุคคลและแบ่งระดับชั้นของสมาชิก เพื่อตอบแทนความภักดี (สูงขึ้นเมื่อเลื่อนระดับขั้น) การันตีความสำเร็จด้วยผู้ใช้งานมากกว่า 10 ล้านคน Sephora ดูแลความสัมพันธ์กับลูกค้าในร้านค้าด้วยวิธีการแกสนบัตรสะสมคะแนนเพื่อเข้าถึงระบบ CRM ที่จะแสดงคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าอาจสนใจ
 
 
 

Airbnb

Airbnb ถือเป็นแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการค้นหาที่พักและบ้านเช่าราคาไม่แพงกว่า 190 ประเทศทั่วโลก พวกเขาใช้ซอฟต์แวร์ CRM ดำเนินการเกือบทุกอย่าง ตั้งแต่การค้นหาที่พักครั้งแรก ตอบคำถาม จองห้องพัก ข้อมูลทุกอย่างรวมถึงข้อมูลธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดจะถูกจัดเก็บและจัดการอย่างชาญฉลาด ในฝั่งของเจ้าของสินค้า (เจ้าของที่พัก) Airbnb ยังให้โอกาสพวกเขาในการกำหนดราคาที่เหมาะสมเองได้ ซึ่งในปัจจุบันกำลังดำเนินงานร่วมกับภาคธุรกิจต่างๆ หรือหน่วยงาน รวมถึงเจ้าของที่พักเข้าร่วมโครงการเปิดบ้านฟรีเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินเพื่ออำนวยความสะดวกให้บุคลากรการแพทย์ต่างๆ
 
 
 
 
นี่คือ 5 แบรนด์ตัวอย่างที่ดูผ่านๆเหมือนจะมีความคล้ายคลึงกัน แต่พอลงรายละเอียดแล้วก็มีความแตกต่างกันอยู่ แบรนด์เหล่านี้ใช้ CRM และกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแบรนด์ของตนเองจนสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างเหลือเชื่อ เราหวังว่าตัวอย่างแบรนด์ที่ใช้ CRM เหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจให้คุณริเริ่มคิดกลยุทธ์สำหรับธุรกิจของคุณ 
 
 
 
 
มีต่อ! ฉบับหน้าเราจะมาช่วยแกะ 6 วิธีที่แบรนด์ดังใช้เป็นหมัดฮุคใส่ลูกค้าเมื่อไหร่ก็น็อค!!
 
Back
Share