Sustainability หรือ ความยั่งยืนทางธุรกิจ คืออะไร?
โดย ยิ้มเก่ง
28.04.2020
highlights:
เมื่อทางรอดในยุควิกฤต ไม่ใช่ผลกำไร
แต่คือ "ความเสถียรภาพของธุรกิจ"
เศรษฐกิจไทยคงจะเป็นหนึ่งคำที่ไม่มีคำนิยามตายตัว เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรในทิศทางใด คงจะจริงที่เศรษฐกิจไทยเริ่มส่งสัญญาณว่ากำลังเข้าสู่สภาวะขาลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่แล้ว แน่นอนว่าปีนี้เห็นได้ชัดว่า เรากำลังเผชิญกับสถานการณ์นั้นอย่างหนักไม่เว้นทุกภาคส่วน ส่วนปีหน้าคงเป็นสิ่งที่คาดเดาไม่ได้เช่นกัน
การจะทำธุรกิจให้ยั่งยืนมีเสถียรภาพ หรือ Sustainability คำนี้ช่วงนี้มีคนพูดมากมาย แต่สำหรับเรามันเป็นคำที่ได้ยินแล้วดูขัดแย้งกับสถาณการณ์ในปัจจุบัน ซึ่งสภาวะนี้อาจส่งผลกระทบยาวไปจนถึงปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร ลูกค้า รวมถึงทรัพยากรอื่น ๆ ซึ่งทุกด้านล้วนแต่สำคัญทำให้เกิดความยั่งยืนและความอยู่รอดของธุรกิจ ดังนั้นหากธุรกิจของคุณมีความยั่งยืน แปลว่า สินค้าจะสามารถขายออกได้ด้วยตัวเอง หรือลูกค้าพร้อมจะกลับมาหาคุณทุกเมื่อโดยไม่คำนึงถึงราคา จนทำให้คุณลดความกังวลในการทำธุรกิจไม่ว่าจะสถาณการณ์แบบไหน
ปัจจุบันเศรษฐกิจเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว แต่อย่างไรการทำธุรกิจก็ต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับผู้บริโภค เพราะเราอยู่ในยุคที่ผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะเลือกใช้บริการร้านค้าและธุรกิจที่สามารถตอบสนองความต้องการของเขาได้ทุกมิติ จนเขานึกถึงคุณเป็นตัวเลือกแรก พร้อมหรือยอมที่จะจ่ายให้คุณจนคิดจะกลับมาซื้อซ้ำๆกับร้านคุณ
ถึงแม้ธุรกิจออนไลน์ อาหารและเครื่องดื่ม คลินิกและความงาม สุขภาพและฟิตเนส รวมถึงร้านค้าปลีกและค้าส่งจะเป็นธุรกิจที่ยังได้รับความสนใจจากลูกค้าอยู่เสมอ แต่ก็ถือเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเช่นกันไม่ว่าจะเป็นรายเล็กรายใหญ่ ดังนั้นการมองเห็นถึงโอกาสและการวางแผนธุรกิจให้ครอบคลุมจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอยู่ตลอดเวลา
วันนี้เราจะให้คุณลองจินตนาการให้เห็นภาพว่า...ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะวิกฤตของ Covid-19 หรือสถานการณ์ปกติก็ตาม ถ้าคุณทำสิ่งเหล่านี้มันจะช่วยให้ธุรกิจคุณเกิดความยั่งยืนได้จริงหรือไม่
1. ผู้บริโภคมาเป็นที่หนึ่ง
การให้ความสำคัญกับผู้บริโภคคงเป็นสิ่งที่เราได้ยินกันบ่อยๆ แต่มันจะมีกี่วิธีที่เราสามารถทำออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ว่าเราทำได้จริง ดังนั้นการทำให้เขารู้สึกว่าได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้าง User experience จะทำให้เราชนะใจผู้บริโภคได้
เช่น การทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาเป็นคนสำคัญ การจัดลำดับของลูกค้า(Member Tier) เพื่อมอบสิทธิพิเศษได้รายบุคคลทำให้ลูกค้าเห็นว่าเขามีสิทธิพิเศษที่สามารถนำใช้ประโยชน์ได้จริง
2. เลือกการสื่อสารให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภค
การแสดงถึงเจตจำนงและความจริงใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากในปัจจุบัน อะไรที่ทำให้เกิดความรำคาญอาจส่งผลให้เสียลูกค้าไปได้ง่ายๆ
ดังนั้นการเลือกเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้เห็นความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างชัดเจน ส่งผลให้การสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ตรงตามความต้องการมากขึ้นตามกันไป หรือที่เรียกว่า การสื่อสารแบบหนึ่งต่อหนึ่ง (Personalized Marketing)
3. การตลาดที่สร้างสรรค์ต้องมีความยืดหยุ่น
แผนการตลาดที่ดีต้องยืดหยุ่นสอดคล้องกับพฤติกรรมของกลุ่มผู้บริโภคมากที่สุด คือ การมองในมุมของผู้บริโภคว่าตอนนี้เขาต้องการอะไร หรือเราต้องการให้เขาทำอะไร ถึงอย่างไรก็ตามความสร้างสรรค์ก็ยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความแตกต่างที่ใครก็ลอกเลียนไม่ได้ ที่จะช่วยสร้างความโดดเด่นให้ผู้บริโภคจดจำคุณได้ในระยะยาว
ซึ่งตัวช่วยที่ดีของการวางแผนการตลาดให้คุ้มค่า คือ เราต้องมีภาพรวมของข้อมูลที่ทั้งผ่านมาและปัจจุบัน ที่จะนำไปเชื่อมโยงกับ Sale forecast เพื่อช่วยเพิ่มโอกาสในการตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายจนเกิดยอดขายสูงสุด
เช่น การจัดทำ Promotions เพื่อกระตุ้นยอดขาย, ลูกค้าที่เป็น Big spender ซื้ออะไรบ่อยที่สุด หรือ ลูกค้าประจำเขาชอบซื้ออะไรกัน
4. ใส่ใจความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของสังคม
ถ้าขาดข้อนี้ไปอาจส่งผลให้ธุรกิจของคุณขาดความมั่นคงได้ เพราะการรับผิดชอบต่อลูกค้าและสังคมเป็นสิ่งที่เราต้องให้ความสนใจอย่างมากในปัจจุบัน นอกจากแสวงหาผลกำไร (Maximize profit) ในธุรกิจก็ต้องใส่ใจความปลอดภัยของลูกค้าด้วย อย่างการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าอย่างปลอดภัยได้มาตรฐาน
เช่น การเข้าใช้งานระบบ การจำกัดสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้งาน (User & Role) การใส่รหัสยืนยันตัวตน (Authorized Code) และการเรียกดูข้อมูลเพื่อตรวจสอบประวัติการใช้งานทั้งหมด (Report)
5. คุณภาพและความรวดเร็วของการบริการหลังการขาย
นอกจากการพัฒนาเทคโนโลยีหรือสินค้าให้ดีขึ้นก็อย่าลืมให้ความสำคัญกับ Experience First, Service Mind, Customer Support และการบริการหลังการขายอื่นๆ การหาลูกค้าใหม่ว่ายากแล้ว แต่การดูแลรักษาลูกค้าเก่าให้คงอยู่ตลอดนั้นยากยิ่งกว่า
ดังนั้นเราควรดูแลลูกค้าให้ครอบคลุมทั้งก่อน ระหว่าง และหลังใช้บริการ เพื่อให้ลูกค้าเกิดความประทับใจเปลี่ยนจากลูกค้าทั่วไปให้เกิดเป็นลูกค้า Loyalty ในที่สุด
แนวคิดที่กล่าวมาข้างต้นเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างธุรกิจคุณให้มีความยั่งยืน หรือ “Maximize Stability” ไม่ใช่แค่การทำตามกระแสที่มาไวไปไว แต่เน้นการเข้าถึงผู้บริโภคเป็นสำคัญ มันอาจจะไม่เห็นผลในทันที แต่เมื่อคุณมาเปิดดูภาพรวมอาจจะอีกใน 1 ปีข้างหน้า จะเห็นว่าธุรกิจของคุณยืนได้ด้วยตัวเอง
ซึ่งกลยุทธ์นี้สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าจะดีหรือร้าย แล้วเมื่อคุณหาแฟนคลับหรือลูกค้าคนสำคัญของคุณเจอ อย่าลืมถามตัวเองว่าคุณได้ติดต่อหรือให้อะไรกับเขาหรือยัง ที่ต่อให้ในอนาคตจะมีปัจจัยอะไรเข้ามา เขาก็พร้อมที่นึกถึงคุณหรือสินค้าของคุณและกลับมาหาคุณก่อนเสมอ
“ในทุกๆวิกฤตย่อมมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ ดังนั้นหาเสถียรภาพในธุรกิจของคุณให้เจอ”
สภาวะวิกฤตอาจจะทำให้เรารู้สึกท้อและมองไม่เห็นทางออกในบางเวลา แต่ท้ายที่สุดมันจะผลักดันให้เราเกิดความพยายามที่จะสู้ ถ้าคิดแบบให้เกิดพลังบวกมันอาจจะเป็นเวลาดีที่ทำให้เราได้ลองคิดหรือลองทำอะไรหลายๆอย่าง เพื่อให้ธุรกิจเราขับเคลื่อนต่อไปได้หรือมันอาจจะดีมากกว่าเดิมอย่างที่ไม่คาดคิดก็ได้
Relate Blog
รู้หรือไม่? ‘การแบ่งระดับสมาชิกของลูกค้า’ ดึงดูดใจได้นานกว่าส่วนลด
ถอดรหัสแฟชั่น Genderless ที่ไม่แคร์ไม่ได้ !!!
ยุคนี้ MarTech! ระบบดีต้องมี “User and Role”
แกะปรัชญา Sustainability ธุรกิจสไตล์ Hailey Bieber
ระบบ CRM ที่ใช้อยู่ได้ผล จริงหรือไม่?
Sustainable Business วิธีทำธุรกิจให้ชนะใจผู้บริโภคแบบ Forever Better
CRM ฉบับ smileSME Data Analytics ช่วยเพิ่มโอกาสการขายให้คุณได้อย่างไร?
[FREE E-BOOK] How CRM Grow Business thrive today
3 กลยุทธ์ มัดใจลูกค้าอย่างไรก็อยู่หมัด